Botox

ครบทุกเรื่องที่คุณควรรู้ ก่อนตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์ ลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด

Botox โบท็อกซ์ คืออะไร ?

คืนความอ่อนเยาว์ ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ

Botox หรือชื่อเต็มว่า โบทูลินั่ม ท็อกซิน ไทป์ เอ (Botulinum Toxin Type A) คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างจากแบคทีเรีย ชื่อ คลอสตริเดียม (Clostridium botulinum) ซึ่งถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์มานานกว่า 30 ปี ทั้งในด้านการรักษาทางการแพทย์และความงาม เช่น โรคกล้ามเนื้อกระตุก ไมเกรน เหงื่อออกมากผิดปกติ รวมถึงการลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้ดูเรียวเล็กขึ้นอย่างปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ

Botox โบท็อกซ์ทำงานอย่างไร ?

โบท็อกซ์ (Botox) จะถูกฉีดเข้าสู่กล้ามเนื้อ จะออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการหลั่งของสารสื่อประสาทที่ชื่อ “อะเซทิลโคลีน” (Acetylcholine) ซึ่งมีหน้าที่ส่งสัญญาณจากปลายประสาทไปกระตุ้นให้กล้ามเนื้อหดตัว เมื่อสารนี้ถูกยับยั้ง กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดจะไม่สามารถหดเกร็งได้ตามปกติ ส่งผลให้เกิดการคลายตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าจึงค่อย ๆ จางลง ผิวแลดูเรียบเนียนขึ้น

นอกจากนี้ โบท็อกซ์ยังช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด เช่น กราม บ่า หรือน่อง และสามารถบรรเทาอาการปวดเรื้อรังบางชนิดได้ เช่น ไมเกรน หรือออฟฟิศซินโดรม

โดยทั่วไป โบท็อกซ์จะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 3–7 วันหลังฉีด และเห็นผลชัดเจนเต็มที่ภายในประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นผลลัพธ์จะค่อย ๆ จางลงตามธรรมชาติ โดยคงอยู่ได้นานประมาณ 3–6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้ ตำแหน่งที่ฉีด ปริมาณยูนิต รวมถึงพฤติกรรมส่วนบุคคล เช่น การใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นซ้ำบ่อย การออกกำลังกายหนัก หรือระบบเผาผลาญของร่างกาย

การฉีดโบท็อกซ์แต่ละตำแหน่งจำเป็นต้องใช้ปริมาณยูนิตที่แตกต่างกัน จึงต้องอาศัยการประเมินที่แม่นยำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากกล้ามเนื้อในแต่ละบริเวณมีขนาด ความลึก และทิศทางการทำงานที่ไม่เหมือนกัน เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย และตรงจุดอย่างแท้จริง แพทย์จะต้องออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างเหมาะสมที่สุด

ฉีด Botox บริเวณไหนได้บ้าง ?

ที่มีอาคลินิก เรามีบริการฉีดโบท็อกซ์เพื่อดูแลและแก้ไขความกังวลในหลากหลายด้าน ครอบคลุมทั้งการชะลอวัยและความงาม รวมถึงการรักษาทางการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถแบ่งการดูแลด้วยโบท็อกซ์ออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

Aesthetic Botox โบท็อกซ์เพื่อการชะลอวัยและความงาม

     บริเวณใบหน้า

  • หน้าผาก – ลดรอยย่นจากการเลิกคิ้ว
  • หว่างคิ้ว – ลดรอยขมวดคิ้ว (11 lines)
  • หางตา – ลดรอยย่นเวลายิ้ม (Crow’s feet)
  • สันจมูก – ลดรอยย่นขณะ
  • ขยับจมูก (Bunny lines)
  • มุมปากตก – ปรับมุมปากให้ยกขึ้น ในกรณีที่คนไข้มุมปากตกแม้มองจากหน้าตรง
  • คาง – ลดรอยย่นคล้ายเปลือกส้ม (Chin dimpling)
  • กรอบหน้า – ยกกระชับด้วยเทคนิค Intradermal lifting

     ปรับรูปหน้าและสัดส่วน

  • กล้ามเนื้อกราม – ลดกราม หน้าเรียว
  • คอ – คลายกล้ามเนื้อ Platysma หรือกล้ามเนื้อคอแนวตั้งและด้านข้าง
    ทำให้เกิดการยกกระชับผิวแนวกราม ด้วยเทคนิค Nefertiti lift
  • บ่า / ไหล่ – ให้ไหล่ลู่ดูสวยงาม เหมาะกับชุดเปิดไหล่
  • น่อง – ลดขนาดกล้ามเนื้อน่องให้เรียว
  • ต้นแขน – กระชับรูปร่างบางส่วนโดยลดกล้ามเนื้อเฉพาะจุด

Medical Botox - โบท็อกซ์เพื่อการรักษา

  • รักแร้ – ลดเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis)
  • ฝ่ามือ / ฝ่าเท้า – รักษาอาการเหงื่อออกเยอะ
  • ไมเกรน – ลดความถี่ของอาการปวดศีรษะเรื้อรัง
  • กัดฟันตอนนอน – ลดแรงกัดและอาการปวดกราม (Bruxism)
  • ภาวะกล้ามเนื้อกระตุก – เช่น เปลือกตากระตุก กล้ามเนื้อใบหน้าผิดปกติ

โบท็อกซ์มีกี่ยี่ห้อ ? ต่างกันอย่างไร?

สิ่งที่ควรรู้ก่อนฉีดโบ

การฉีดโบท็อกซ์ (Botulinum Toxin Type A) ถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ซึ่งโดยทั่วไปถือว่ามีความปลอดภัยสูงหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองอย. และ ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญ อย่างไรก็ตาม หากทำโดยผู้ไม่มีใบอนุญาตหรือใช้โบท็อกซ์ปลอม ก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายได้เช่นกัน

อาการข้างเคียงที่อาจพบได้ทั่วไป

  • รอยเข็ม ช้ำ หรือบวมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด
  • ปวดตึงกล้ามเนื้อ หรือรู้สึกหนักหน้าในช่วงแรกหลังฉีดโบ

อาการเหล่านี้มักหายได้เองภายใน 3–14 วัน หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะพบได้น้อยมาก

ความเสี่ยงที่ร้ายแรง (พบน้อยมากแต่ควรระวัง)

  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงในจุดที่ไม่ได้ตั้งใจ
  • ภาวะแพ้สารโบทูลินัม เช่น บวม คัน หายใจลำบาก
  • ติดเชื้อหากสถานที่ไม่สะอาดหรือใช้เข็มซ้ำ
  • หน้าไม่สมมาตร ผลลัพธ์ไม่เป็นธรรมชาติ

โบท็อกซ์ปลอมอันตราย

โบท็อกซ์ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก อย. หรือผลิตจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ถือเป็นโบปลอมทั้งสิ้น
อาจทำให้เกิด

  • การออกฤทธิ์ที่ไม่แน่นอน – เช่น แข็งเกินไป หรือละลายเร็วผิดปกติ
  • หน้าเบี้ยว กล้ามเนื้ออ่อนแรงผิดจุด
  • มีภูมิต้านทานต่อสารโบทูลินัม หรือ ดื้อโบ ;
    ทำให้ฉีดครั้งต่อไปไม่ค่อย เห็นผล หรือต้องใช้ปริมาณมากขึ้นถึงได้ผลลัพท์ตามปกติ หรืออาจไม่ได้ผลเลย
  • ผลข้างเคียงต่อระบบประสาทหากมีสารปนเปื้อน

5 วิธีทำให้การฉีดโบท็อกซ์ปลอดภัย

1. เลือกคลินิกและแพทย์ที่มีใบอนุญาตถูกต้อง

  • ตรวจสอบว่าเป็น คลินิกถูกกฎหมาย มีเลขใบอนุญาตแสดงชัดเจน
  • แพทย์ควรมีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์
  • สอบถามให้แน่ใจว่าแพทย์เป็นผู้ฉีดด้วยตนเอง

2. ใช้โบท็อกซ์แท้จากแหล่งที่เชื่อถือได้

  • มียี่ห้อชัดเจน เช่น Allergan (USA), Dysport (England), Xeomin (Germany), Nabota (Korea) และ Aestox (Korea)
  • ต้องมีการรับรองจาก อย.ไทย, US FDA, CE เป็นต้น
  • ขอดูขวดจริงก่อนฉีด หรือสอบถาม Lot Number เพื่อความมั่นใจ

3. แจ้งข้อมูลสุขภาพก่อนเข้ารับการฉีด

  • ยาที่ทานประจำ เช่น ยาละลายลิ่มเลือด แอสไพริน หรือโรคประจำตัวบางชนิด อาจมีผลต่อการฉีด
  • ห้ามฉีดหากกำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีประวัติแพ้โบทูลินั่มท็อกซิน

4. ประเมินใบหน้าและวางแผนกับแพทย์ก่อนฉีด

  • เพื่อให้การฉีดออกมาดูเป็นธรรมชาติ
  • ป้องกันการฉีดผิดตำแหน่ง เช่น กล้ามเนื้อบางจุดที่ไม่ควรฉีด
    แพทย์จะอธิบาย จุดฉีด ปริมาณยูนิต และความคาดหวังของผลลัพธ์

5. ปฏิบัติตามคำแนะนำหลังฉีดอย่างเคร่งครัด

คำแนะนำก่อนฉีดโบท็อกซ์ (Botox)

  1. พักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันฉีด
  2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสดชื่น ลดความเสี่ยงอาการมึนหลังฉีด
  3. แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว และยาที่ใช้อยู่เป็นประจำ
    เช่น ยาละลายลิ่มเลือด, วิตามิน E, น้ำมันปลา, แอสไพริน ฯลฯ
  4. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีด เพราะอาจทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่ายกว่าผู้ที่ไม่ดื่ม
  5. อาหารเสริมหรือสมุนไพรที่ทำให้เลือดแข็งตัวยาก (เช่น น้ำมันปลา, กระเทียมสกัด)
    หรือ ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด (เช่น Aspirin)
    อาจทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่ายกว่าปกติ แต่รอยช้ำจะค่อยๆจางลงตามลำดับ

คำแนะนำหลังฉีดโบท็อกซ์ (Botox)

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัส ถู หรือกดบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์
    เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของตัวยา
  2. งดนอนราบอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหลังการฉีด
    หากจำเป็น ให้เอนตัวได้ไม่เกิน 45 องศา โดยศีรษะควรอยู่ในแนวตรง
  3. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก เช่น ว่ายน้ำ วิ่ง เทนนิส เป็นเวลาอย่างน้อย 48–72 ชั่วโมง
  4. หลีกเลี่ยงความร้อนโดยตรงบริเวณที่ฉีด เช่น การทำเลเซอร์ ซาวน่า
    อาบน้ำร้อน หรืออบไอน้ำ ภายใน 4 สัปดาห์แรกหลังฉีด
  5. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ และอาจลดประสิทธิภาพของตัวยา

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ Botox

เพราะใช้เข็มขนาดเล็กมาก และฉีดในปริมาณที่น้อยในแต่ละจุด ที่มีอาคลินิก ก่อนทำหัตถการแพทย์จะประเมินผิวและใช้ เทคนิคเฉพาะเพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บ เช่น

  • การประคบเย็น
  • การใช้ยาชาทาก่อนฉีด (ในบางบริเวณ)
  • การวางจุดฉีดอย่างแม่นยำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์

ผู้ที่เคยฉีดส่วนใหญ่มักบอกว่า “รู้สึกแค่เหมือนยุงกัดเบา ๆ” และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังฉีด

Botox และ Filler เป็นหัตถการที่ฉีดเข้าสู่ผิว แต่มีจุดประสงค์ต่างกัน

  • Botox ใช้ลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น ลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า, ลดขนาดกล้ามเนื้อ, รักษาตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์, ไมเกรน, หรือ ภาวะเหงื่อออกผิดปกติ
  • Filler ใช้เติมเต็มร่องลึกหรือปรับรูปหน้า เช่น เติมร่องแก้ม ปาก คาง ใต้ตา ยกหน้า หรือเติมหน้าผากให้ดูอิ่มฟู

การฉีด Botox บ่อยเกินไป หรือใช้ในปริมาณมากเกินจำเป็น อาจทำให้เกิดภาวะ “ดื้อโบท็อกซ์” ซึ่งร่างกายสร้างแอนติบอดีต่อตัวยา ทำให้ประสิทธิภาพลดลง ควรเว้นระยะห่างในการฉีดประมาณ 3–4 เดือน และเลือกใช้ Botox ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก อย. (อย.ไทย / FDA)

สำหรับการฉีดโบท็อกซ์เพื่อความงาม เช่น ลดริ้วรอยหรือปรับรูปหน้า แนะนำให้เริ่มตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด แต่ในกรณีมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น กล้ามเนื้อเกร็ง หรือภาวะตากระตุก ในเด็กสามารถฉีดได้ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

A: Botox เป็นสารที่อยู่ในรูปแบบผงแห้ง (Dry powder) ต้อง ผสมน้ำเกลือปลอดเชื้อ (Preservative-free normal saline) ก่อนฉีด ให้ได้ความเข้มข้นที่เหมาะสม ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ อย. โดยแพทย์ผู้เชียวชาญและมีประสบการณ์ในการรักษา

Mi-A Clinic

Mi-A Clinic

มีอา คลินิกเวชกรรม เชียงใหม่

I will be back soon

Mi-A Clinic

มีอา คลินิก สวัสดีค่ะ

กรุณาเลือกช่องทางติดต่อที่ท่านสะดวกได้เลยค่ะ เพื่อปรึกษาเรา

ช่องทางติดต่อ
line

Line

whatsapp

Whatsapp

messenger

Messenger

phone

Call Us

chat ปรึกษาเรา